ads by google

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ SEM แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ SEM แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วิธีหาคนเข้าเว็บไซตฺของเรา 7 วิธี

ผมมีเว็บไซต์อยู่เว็บหนึ่ง คือเว็บการศึกษา http://www.lesson2plan.com มีจำนวนคนเข้าเว็บลดน้องอยู่เรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ผมกำลังจะทำให้ คนเข้าเว็บผมเพิ่มมากขึ้น ให้เท่าหรือมากกว่าเดิมที่เป็นอยู่ก่อน ผมลองค้นหาวิธีการ หลายทาง แต่ผมก็มาเจอบทควา ๆ หนึ่ง ผมเลยเอามาฝากเพื่อน ได้อ่านกันครับ ได้ผลอย่างไร มาบอกกันด้วยนะครับ


Website-Traffic2คำถามสำคัญของนักการตลาดออนไลน์มือใหม่ที่มักจะถามตามๆกันเมื่อเขาได้เว็บไซต์ไว้พร้อมจะทำเงินแล้วก็คือ…
“แล้วผมจะหาคนเข้าเว็บยังไงดี?”
ในภาษาทางการๆหน่อยก็จะเรียกว่าการหา Traffic เข้าสู่เว็บไซต์ ซึ่งนี่เป็นปัญหาหลักๆของมือใหม่ (และมือเก่าบางท่าน) ที่จะเจอกันจนชินเลยทีเดียว
ในการทำธุรกิจออนไลน์ถ้าขาดทราฟฟิคไปก็จะเจอปัญหาต่างๆตามมา เพราะเมื่อไม่มีคนเข้าเว็บ เว็บก็ทำเงินไม่ได้ วันนี้ผมเลยมาแนะนำ 7 วิธีง่ายๆ ในการหาคนเข้าเว็บกันครับ

Introduction

เว็บส่วนใหญ่ที่เอาไว้ทำเงินของนักการตลาดก็คือ Landing Page ถูกไหมครับ แต่จะว่าไปเจ้า Landing Page เนี้ย มันก็มีช่องทางในการหา Traffic ยากเหลือเกิน เพราะส่วนใหญ่ถ้าไม่ลง PPC ก็ต้องไปทำอย่างอื่นที่มันเสียเงินเพิ่มอีก เพราะฉะนั้นทางแก้ปัญหาก็คือ…

1.Start the Blog

ทั้งนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนักการตลาดออนไลน์ จะลงความเห็นกันว่า Blog คือ เครื่องมือการทำการตลาดที่ดีที่สุดชิ้นหนึ่ง และที่สำคัญมันทำได้ง่ายอีกด้วยครับ เพราะความสามารถของ Blog ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น WordPress , Joomla , หรือแม้กระทั่ง Blog ฟรีตามที่ต่างๆ นั้นมีความสามารถที่ดีอยู่แล้วในการที่เราจะปรับแต่งตกแต่งให้เหมาะสมกับการสร้าง Traffic ให้กับ Landing Page

2. Try to write great articles

เมื่อเพื่อนๆได้ Blog ของเพื่อนๆมาแล้ว ทีนี้ก็มาถึงการเขียนบทความกันครับ บทความที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง! ปัญหาของมือใหม่ส่วนใหญ่ก็คือ “ไม่รู้จะเขียนอะไร?” เพราะไม่เคยเขียนมาก่อน ไม่ใช่นักเขียน ผมมีคำแนะนำที่ง่ายมากครับ ก็เขียนที่สิ่งที่คุณกำลังจะขายไปเลยก็สิ้นเรื่อง
ตัวอย่างเช่น Landing Page ของคุณต้องการทำเงินจากการขาย iPhone ใน blog ของคุณก็เขียนเรื่อง iPhone ไปเลยครับ จะเขียนแนวไหน แนวตั้งแนวนอนแนวตะแคงก็ว่ากันไป เขียนได้หมดครับ เพราะเป้าหมายของเราคือ ให้คนเข้ามาที่บทความ แล้วไปต่อที่ Landing Page ของเรา
ตรงนี้ในส่วนของการเขียนเนี้ย ผมบอกไม่ได้จริงๆครับว่าจะเขียนยังไงดี? แต่ผมบอกได้คำเดียวครับ“เริ่มเขียนตั้งแต่ตอนนี้ แล้วคุณจะรู้เองว่าต้องเขียนยังไง” รวมไปถึงจะหาความรู้เพิ่มได้จากไหนในการพัฒนาทักษะนี้

3.ShareThis

มีของ ก็ต้องปล่อย ถูกไหมครับ ในยุคที่ Social Network ครองเมืองแบบนี้ แชร์มันไปเหอะครับ facebook, twitter, google plus จัดให้หมด จัดให้เต็ม ไม่ต้องมากังวลว่าคนจะไลค์รึป่าวนะ คนจะแชร์บทความเราไหมนะ ช่างมันครับ เราต้องการคนเข้าเว็บ ไม่ใช่คนกดไลค์โพส เข้าใจป่ะ?

4.Report news to subscriber

อันนี้มือใหม่อาจจะไม่ถนัดเท่าไหร่ แต่สำหรับผมมันได้ผลเป็นอย่างดีเลยล่ะ นั่นก็คือการมีแบบฟอร์มไว้สำหรับให้คนที่เข้ามาสู่ blog ของเรา แล้วเค้าเกิดถูกใจขึ้นมา ได้ลงชื่อเอาไว้ เวลาที่เรามีบทความอัพเดตใหม่ ก็ส่งไปหาเค้าครับ เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เราสามารถสร้าง Traffic ได้ง่ายๆเลย ถ้าใครจะลองทำ ผมแนะนำให้ไปศึกษาและใช้งาน feedburner ครับ

5.Forum Marketing

ฟอรั่ม ฟอลั่น มาเกตติ้งงงงงง อันนี้ผมชอบมากที่สุดครับ ถ้าแปลกันตรงตัวก็คือการทำการตลาดผ่าน forums หรือเว็บบอร์ดนั่นล่ะครับ ถ้าจะเอากันตามตรงว่ามันทำได้ช่องทางไหนบ้าง เพื่อนๆก็ลองดูครับ ว่าเว็บบอร์ดเราแปะลิงค์เราตรงไหนได้บ้าง ก็ตรงนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะเป็น การโพสบทความของเราลงไปในบอร์ดที่เค้าอนุญาติเลย หรือจะเป็นการติดลายเซ็น จนไปถึงบาง forums เค้าก็จะรับลง Banner เราก็ลงมันเลยครับ ได้ผลแน่นอน!
อีกเหตุผลหนึ่งที่ฟอรั่มมาเก็ตติ้งได้ผลเป็นอย่างดีก็เพราะว่า โดยปกติแล้วเว็บบอร์ดจะเป็นแหล่งรวมของคนที่ชอบหรือสนใจในสิ่งนั้นไปสิงสู่กันอยู่แล้ว ยกตัวอย่างบอร์ด iPhone ก็จะมีแต่คนชอบ iPhone ไปคุยกัน รวมไปถึงคนที่สนใจอยากได้ iPhone ก็จะไปหาข้อมูลในนั้นครับ

6.Blog Commenting

ทริคเล็กๆที่ฝรั่งเค้าชอบใช้กัน แต่คนไทยก็ใช้เหมือนกันนะ ทริคนี้คือการไปคอมเม้นใน blog ของคนอื่นครับ ซึ่งมันก็ทำได้หลายแบบนะ ทั้งแบบตั้งโปรไฟล์ของเราไว้ให้ลิงค์มาที่ blog ของเราหรือหน้า landing page เลย ในกรณีที่ blog ของคนนั้นเค้าใช้พวก comment wordpress หรือ disque แต่ถ้าเป็น facebook comment ก็ต้องไปตั้งค่าโปรไฟล์ของเราก่อนนะครับ
รวมไปถึง จะสามารถไปเม้นๆ แล้วแอบแนบลิงค์ของเราก็สามารถทำได้ครับ แต่ต้องเนียนหน่อยนะ (เนียนยังไงไปคิดกันเองครับ) สำคัญคืออย่าไปทำตัวเป็น spammer เด็ดขาดครับ

7.Guest Blogging

อันนี้จริงๆผมไม่ค่อยอยากใส่มาเท่าไหร่ แต่เนื่องจากมันไม่ครบ 7 และผมไม่ชอบเลข 6 (555+) ผมก็เลยใส่เพิ่มมาอีกเป็น 7 แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ได้ผลนะครับ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ฝรั่งชอบใช้ (รึป่าว?) ก็คือการไปขอเขียนบทความลงใน blog ของชาวบ้านครับ …?
ถ้าเราไปเจอ blog ของคนอื่นที่เค้าเขียนแนวเดียวกับเรา เราก็ใช้วิธีเมล์ไปหาเจ้าของ blog ครับ แล้วก็บอกเค้าว่าผมอยากจะเขียนบทความให้กับบล็อกของคุณจังเลยอ่ะ ขอผมให้ได้เขียนให้คุณนะ แต่ผมมีข้อแม้ ผมต้องสามารถแนบลิงค์ไปที่บล็อกผมได้ด้วยนะ ซึ่งปกติก็จะมีทั้งยอมและไม่ยอมครับ

จบไปแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆทุกคนนะครับ ถ้าชอบกดไลค์ ถ้าใช่กดแชร์นะจ๊ะ ;)

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

โปรแกรมสำหรับ check อันดับ เว็บของเราในเว็บค้นหา

ผมลองค้น ๆ หาเว็บที่ค้นหาลำดับเว็บของเราที่จนเจอจากคำค้นหาที่เราตั้งไว้สำหรับหน้าเว็บของเรา ผมทำเว็บภาษาไทยครับ แต่เว็บเหล่านั้นมันค้นหาจากเว็บต่างประเทศ งงไหม ล่ะครับ

เอาใหม่ เรียบเรียงใหม่ ผมจะเช้คอันดับเว็บของผมด้วยคำว่า "แผนการสอน" ในเ่ว็บ google.co.th ครับ ว่าอยู่อันดับที่เท่าไร ผมเลยค้นหาโปรแกรมสำหรับเชคอันดับ แต่ไม่มีไง ครับ มีแต่โปรแกรมที่ค้นหาแต่ค้นค้นที่เป็นภาษาอังกฤษ และค้นในเว็บ google.com ครับ

ผมลอง ๆ ใช้ดูปรากฎว่า ไม่มีผลลัพธ์ครับ ทั้ง ๆ ที่เว็บของผม (lesson2plan.com) อยู่อันดับที่ 30 (วันที่ 26 พฤษภาคม 2556 เวลา 19.56 น.) ของเว็บกรูเกิ้ล ประเทศไทยครับ ส่วนเว็บนอกผมเลยไม่มีครับ

เอาไง คือ ผมตั้งใจจะมาเล่าให้ฟังแล้วก็เอาโปรแกรมมาให้โหลดใช้กันครับ โปรแกรมนี้ ใช้คำค้น อังกฤษ ค้นเว็บอังกฤษครับ ลองไปใช้ดูน่ะ ไม่รู้จะเขียนอะไร เดียวงงไปใหญ่

ลิงก์ครับ
เว็บค้นหาลำดับของคำสำคัญ

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

Trust และ Authority คืออะไรในแง่ของ SEO

หากใครที่ศึกษา SEO ด้วยตนเองจากเนื้อหาภาษาอังกฤษแล้วละก็ บุคคลเหล่านั้นจะพบเจอคำว่า Trust กับ Authority อยู่บ่อยครั้ง ส่วนในภาษาไทยเองก็มีการพูดถึงบ้างเป็นครั้งคราว บทความนี้จะมาอธิบายว่ามันคืออะไร แล้วมี Factors อะไรบ้างที่เป็นส่วนประกอบของ Trust และ Authority นี้ สำหรับคำว่า Trust ในความหมายของ SEO นั้นหลายๆ คนคงจะรู้อยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่รู้นั้น Trust ก็คือความน่าเชื่อถือที่ Google มีต่อเว็บเพจและเว็บไซต์ ยิ่งมีความน่าเชื่อถือมาก งานแต่ละชิ้นที่ออกมา ก็ได้รับความไว้วางใจมาก ส่วนในด้านของ Authority ในความหมายของ SEO ก็คือศูนย์กลางของข้อมูลในเรื่องใดๆซึ่งจะช่วยบอกถึงความสำคัญและการเป็นที่นิยมในเรื่องนั้นๆ

ในที่นี่ก็คือเว็บไซต์ที่มี Link ภายนอกจำนวนมากยิงเข้ามาที่เว็บไซต์และมีจำนวนลิ้งค์ออกน้อยๆ การมีค่า Trust และ Authority สูงๆ นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยให้เราติดอันดับได้ง่ายขึ้น เมื่อเข้าใจถึงความหมายของมันแล้ว เรามาลองดูกันดีกว่าว่า ค่า Trust และ Authority มีส่วนประกอบมาจากอะไรบ้าง โดยข้อมูลอ้างอิงก็เอามาจากวิดีโอนี้เลยนะ (Presented โดย Rand Fishkin, CEO Seomoz)


  Authority คืออะไรในแง่ของ SEO, Trustrank


Trust
สำหรับ Trust นั้น มีส่วนประกอบอยู่ 4 ส่วน หลักๆ คือ

  • Who links to you ใครลิ้งค์มาหาคุณบ้าง ในส่วนนี้ Rand บอกว่า Yahoo เคยอธิบายว่า การวิเคราะห์ Trust โดยอาศัย link ที่ิยิงไปหาเว็บอื่นๆ จะเริ่มจากเว็บที่ไม่มีการยิงไปหาเว็บ spam เลย หลังจากนั้นก็เอาเว็บปลายทางเหล่านั้นมาคำนวณหาอีก ว่ามีการยิงไปหาเว็บ spam กี่เปอร์เซ็น แล้วก็เอาเว็บปลายทางของรอบที่สองนี้มาหาต่อ ซึ่งจะวนแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ % ของเว็บที่ยิงไปหาเว็บ spam นั้นก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ค่า Trust น้อยลง เพราะฉะนั้นแล้ว หากเราได้ลิ้งค์จากเว็บที่ยิงออกไปหาเว็บ spam น้อยๆ เราก็จะได้รับความไว้วางใจมากขึ้นนั่นเอง
  • Who do you link to ในทางตรงกันข้ามกับ Factor แรก แล้วคุณล่ะ Link ไปหาใครบ้าง อันนี้ก็สำคัญไม่แพ้ข้อแรกเลย เพราะหากคุณลิ้งค์ไปหาเว็บ Spam คุณจะถูกพิจารณาว่าเป็นเว็บ spam ไปด้วย เพราะฉะนั้นแล้วคุณต้องดูดีๆ ว่า เว็บใดๆ ที่คุณลิ้งค์ไปหา เป็นเว็บ spam หรือเปล่า และหากคุณลิ้งค์ไปหาเว็บที่มีความน่าเชื่อถือเป็นจำนวนมาก คุณก็จะได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย
  • Registration info ข้อมูลในการจด Domain ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถนำมาพิจารณาได้ หากคุณจด Domain โดยใช้ชื่อเดียวกันหมดก็จะรู้ได้ว่าเว็บใดบ้างที่มีเจ้าของเดียวกัน หรือแม้กระทั่งข้อมูลที่อยู่หรือเบอร์โทศัพท์ ก็อาจจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเจ้าของเดียวกันด้วยก็ได้ แล้วมันเกี่ยวกับ Trust ไม่ Trust ยังไง ก็ตรงที่หากเว็บไซต์ของคุณแทบทั้งหมดเป็นเว็บ spam เว็บไซต์ใหม่ๆ ของคุณก็อาจจะเป็นอยู่ในข่ายไม่น่าไว้วางใจไปด้วย ซึ่งอาจจะติดอยู่ใน Sandbox เพื่อพิจารณาสักระยะ (ความหมาย SandBox ที่ผมใช้ในที่นี้ หมายถึงเว็บที่อยู่ในข่ายที่ต้องพิจารณาคุณภาพก่อน ไม่ใช่เว็บที่ติดโทษแบนแต่อย่างใด)
  • User Data Signal ข้อมูลจาก user ที่สามารถนำมาใช้ในการบอกถึงความน่าเชื่อถือได้ ซึ่งในส่วนนี้ค่อนข้างกว้าง แต่โดยรวมๆ แล้ว ก็จะมีพวกข้อมูลที่ได้จาก Google Toolbar, Free - Wifi, Google Analytics, Third Parties จากทั่วโลก โดยที่ข้อมูลเหล่านี้ อาจจะบอกถึงความเป็นธรรมชาติและไม่ปกติของเว็บต่างๆ ได้ แต่เรื่องนี้ค่อนข้างพูดยาก เพราะว่าต้องพิจารณากันค่อนข้างละเอียด และเว็บแต่ละชนิดอาจจะมีข้อจำกัดต่างกัน แต่ก็เอาเป็นว่าถ้าวิเคราะห์ดีๆ ก็สามารถวัดความน่าเชื่อถือได้บ้างไม่มากก็น้อยนั่นล่ะ ทีนี้เราก็คงพอมองภาพรวมออกแล้วว่า Trust มีส่วนประกอบอะไรบ้างนะครับ

Authority
คราวนี้มาดู Authority กันบ้าง ซึ่งก็มีส่วนประกอบหลักๆ อยู่ 4 อันเช่นกัน

  • Link Juice / PageRank ปกติแล้ว PageRank จะเป็นตัววัดค่าของหน้าเว็บแต่ละหน้าเท่านั้น แต่ว่ากรณีนี้ให้มองไปในลักษณะภาพรวมของ Domain เป็นการวัดค่าของลิ้งค์ที่ยิงเข้าและออกในระดับ Domain Level แต่ในส่วนนี้จะเกี่ยวเนื่องกับข้อถัดไปด้วย
  • Diversity of Link Source เมื่อก่อนนี้การได้ Backlink จากเว็บ PR สูงๆ เพียงเว็บหรือสองเว็บ ก็ช่วยให้เว็บเรามีอันดับที่ดี และถูกพิจารณาว่าเป็นเว็บที่มีความสำคัญแล้ว แต่ปัจจุบันสิ่งเหล่านั้นได้เปลี่ยนไป คุณภาพของเว็บต้องได้รับพิจารณาถึงความหลากหลายของ Link ที่เราได้มาด้วย ซึ่งก็คือการได้ Link มาจากหลายๆ โดเมน (ที่มี Registration Info แตกต่างกัน) และโดเมนเหล่านั้น ก็ยิง Link ตรงมาที่เราโดยตรง เพราะฉะนั้นแล้ว การมองภาพรวมในระดับ Domain Level จึงมีส่วนสำคัญ
  • เช่นกัน
  • Temporal Analysis สำหรับเว็บที่ทำการปั่นให้ได้อันดับดีๆ นั้น อาจจะเกิดเหตุการที่ว่า link ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นขั้นบรรได แต่อยู่ๆ ก็มีช่วงระยะเวลาหนึ่งที่จำนวน Link เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาถัดมาเช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจจะถูกตรวจสอบว่ามีการ ซื้อ Link มาหรือเปล่า และหากเป็นเช่นนั้นเว็บเราก็จะถูกลดค่า Authority ลง เพราะไม่ได้มีลิ้งค์เข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ (Google ต้องการลดช่องว่างระหว่างคนที่มีเงินทำเว็บกับที่ไม่มีให้มากที่สุด)
  • Distribution Analysis ในกรณีที่เว็บเรามี PR สูงและมี Link เข้ามาเยอะจริง แต่กลับมี Link เข้ามาหาเพียงแค่เพจหรือสองเพจ ในขณะที่เพจอื่นๆ ไม่มี Link เข้ามาเลย ตรงนี้ก็จะสามารถถูกพิจารณาได้ว่า ไม่ควรมีค่า Authority สูง อย่าง Wikipedia เองมี เพจต่างๆ มากมายแต่ก็มี Link เข้ามายังเพจเหล่านั้นมากมายเช่นกัน

เรื่อง Trust และ Authority นี้ ผมอยากให้ท่านผู้อ่านจำเอาไว้เพื่อเป็นพื้นฐานในการทำ SEO ซึ่งหากเรามีความเข้าใจพื้นฐานดีแล้ว เราจะสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับบทความนี้ก็คงจบแต่เพียงเท่านี้แหละนะครับ

Source : Ngokung


บล็อกที่เกี่ยวข้อง